วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บทที่ ๙ การพัฒนาปัญญา

บทที่ ๙ การพัฒนาปัญญา

๑. ปัญญาคือความรอบรู้ 
ปัญญา แปลว่า ความรอบรู้ ซึ่งปัญญานี้ก็มีอยู่ ๒ ประเภท อันได้แก่
  • ๑. ปัญญาทางโลก คือความรอบรู้ในเรื่องวิชาการต่างๆของชาวโลก 
  • ๒. ปัญญาทางธรรม คือความรอบรู้ในเรื่องการดำเนินชีวิต
  • ปัญญาทางโลกจะช่วยให้เราอยู่รอดในโลกได้อย่างสุขสบายไม่เดือดร้อน ส่วนปัญญาทางธรรมจะช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ได้โดยมีความทุกข์น้อยที่สุดได้.

๒. ปัญญาเกิดได้ ๓ ทาง
ปัญญานี้สามารถเกิดขึ้นได้ ๓ ทาง อันได้แก่ 
  • ๑. จากการฟัง หรืออ่าน 
  • ๒. จากการคิดพิจารณา 
  • ๓. จากการปฏิบัติ
  • เมื่อฟังหรืออ่านหนังสือที่มีประโยชน์ ก็เกิดความรอบรู้ที่จำเอามาได้ หรือถ้ารู้จักคิดพิจารณาให้ดี ก็เกิดความรู้ชนิดที่เป็นความเข้าใจได้ และถ้ามีการทดลองปฏิบัติจนบังเกิดผล ก็จะเกิดความเห็นแจ้ง(รู้แจ้งเห็นจริง)ซึ่งจัดเป็นความรู้สูงสุด.

๓. หลักการฟัง
การพัฒนาปัญญาก็คือการสร้างปัญญาให้เจริญมากขึ้น ซึ่งการฟังรวมทั้งการอ่านตำราเพื่อให้เกิดปัญญานี้จะต้องอยู่ในหลักการต่อไปนี้ 
  • ๑. ตั้งใจฟัง(มีสมาธิขั้นใช้งาน) 
  • ๒. ฟังหรืออ่านสิ่งที่เป็นสาระ 
  • ๓. รู้จักแยกแยะเนื้อหา และสรุปใจความสำคัญ 
  • ๔. ไม่มีอคติต่อผู้สอน(ไม่ลำเอียง)

๔. หลักการคิด
ในการคิดที่จะให้เกิดปัญญานี้จะมีหลักการคิดดังนี้ 
  • ๑. คิดอย่างตั้งใจ(มีสมาธิขั้นใช้งาน) 
  • ๒. คิดในสิ่งที่เป็นสาระ 
  • ๓. คิดด้วยเหตุด้วยผล
  • ๔. คิดอย่างเป็นระบบ 
๕. การปฏิบัติที่ทำให้เกิดปัญญา
การปฏิบัติที่ทำให้เกิดปัญญานั้น ก็แยกได้ ๒ ทางคือ 
  • ๑. ทางโลกก็คือการทดลองปฏิบัติทางวัตถุทั้งหลาย ซึ่งก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความจริงทางวัตถุจนสามารถตั้งเป็นทฤษฎีทางวัตถุทั้งหลายขึ้นมา
  • ๒. ทางธรรมก็คือการปฏิบัติศีล สมาธิ และปัญญา จนบังเกิดเป็นความรู้แจ้งเห็นจริงต่อชีวิตและต่อโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น