บทที่ ๙ การพัฒนาปัญญา
๑. ปัญญาคือความรอบรู้
ปัญญา แปลว่า ความรอบรู้ ซึ่งปัญญานี้ก็มีอยู่ ๒ ประเภท อันได้แก่
ปัญญา แปลว่า ความรอบรู้ ซึ่งปัญญานี้ก็มีอยู่ ๒ ประเภท อันได้แก่
- ๑. ปัญญาทางโลก คือความรอบรู้ในเรื่องวิชาการต่างๆของชาวโลก
- ๒. ปัญญาทางธรรม คือความรอบรู้ในเรื่องการดำเนินชีวิต
- ปัญญาทางโลกจะช่วยให้เราอยู่รอดในโลกได้อย่างสุขสบายไม่เดือดร้อน ส่วนปัญญาทางธรรมจะช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ได้โดยมีความทุกข์น้อยที่สุดได้.
๒. ปัญญาเกิดได้ ๓ ทาง
ปัญญานี้สามารถเกิดขึ้นได้ ๓ ทาง อันได้แก่
ปัญญานี้สามารถเกิดขึ้นได้ ๓ ทาง อันได้แก่
- ๑. จากการฟัง หรืออ่าน
- ๒. จากการคิดพิจารณา
- ๓. จากการปฏิบัติ
- เมื่อฟังหรืออ่านหนังสือที่มีประโยชน์ ก็เกิดความรอบรู้ที่จำเอามาได้ หรือถ้ารู้จักคิดพิจารณาให้ดี ก็เกิดความรู้ชนิดที่เป็นความเข้าใจได้ และถ้ามีการทดลองปฏิบัติจนบังเกิดผล ก็จะเกิดความเห็นแจ้ง(รู้แจ้งเห็นจริง)ซึ่งจัดเป็นความรู้สูงสุด.
๓. หลักการฟัง
การพัฒนาปัญญาก็คือการสร้างปัญญาให้เจริญมากขึ้น ซึ่งการฟังรวมทั้งการอ่านตำราเพื่อให้เกิดปัญญานี้จะต้องอยู่ในหลักการต่อไปนี้
การพัฒนาปัญญาก็คือการสร้างปัญญาให้เจริญมากขึ้น ซึ่งการฟังรวมทั้งการอ่านตำราเพื่อให้เกิดปัญญานี้จะต้องอยู่ในหลักการต่อไปนี้
- ๑. ตั้งใจฟัง(มีสมาธิขั้นใช้งาน)
- ๒. ฟังหรืออ่านสิ่งที่เป็นสาระ
- ๓. รู้จักแยกแยะเนื้อหา และสรุปใจความสำคัญ
- ๔. ไม่มีอคติต่อผู้สอน(ไม่ลำเอียง)
๔. หลักการคิด
ในการคิดที่จะให้เกิดปัญญานี้จะมีหลักการคิดดังนี้
ในการคิดที่จะให้เกิดปัญญานี้จะมีหลักการคิดดังนี้
- ๑. คิดอย่างตั้งใจ(มีสมาธิขั้นใช้งาน)
- ๒. คิดในสิ่งที่เป็นสาระ
- ๓. คิดด้วยเหตุด้วยผล
- ๔. คิดอย่างเป็นระบบ
การปฏิบัติที่ทำให้เกิดปัญญานั้น ก็แยกได้ ๒ ทางคือ
- ๑. ทางโลกก็คือการทดลองปฏิบัติทางวัตถุทั้งหลาย ซึ่งก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความจริงทางวัตถุจนสามารถตั้งเป็นทฤษฎีทางวัตถุทั้งหลายขึ้นมา
- ๒. ทางธรรมก็คือการปฏิบัติศีล สมาธิ และปัญญา จนบังเกิดเป็นความรู้แจ้งเห็นจริงต่อชีวิตและต่อโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น