วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

5.หมอชีวกโกมารภัจจ์

5.หมอชีวกโกมารภัจจ์
ประวัติหมอชีวกโกมารภัจจ์
  • หมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นบุตรของนางสาลวดี นางนครโสเภณีประจำเมืองราชคฤห์แคว้นมคธ ซึ่งตำแหน่งนางนครโสเภณี สมัยนั้นเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติเพราะพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง 
  • ต่างจากสมัยนี้ เพราะผู้ประกอบอาชีพนี้เป็นที่ดูหมิ่นเหยียดหยามของบุคคลทั่วไป นางสาลวดี ตั้งครรภ์โดยบังเอิญ 
  • เมื่อคลอดบุตรชายออกมาจึงสั่งให้สาวใช้ นำไปทิ้งไว้ทีกองขยะนอกเมือง เคราะห์ดีที่อภัยราชกุมาร พระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสารไปพบเข้า ขณะเสด็จออกไปนอกเมือง 
  • จึงทรงนำมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ชื่อว่า “ชีวก” ตั้งขึ้นตามคำกราบทูลตอบคำถามพระองค์ที่ตรัสถามว่า “เด็กยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า” 
  • มหาดเล็กกราบทูลว่า “ยังมีชีวิตอยู่” (ชีวโก) ส่วนคำว่า “โกมารภัจจ์” แปลว่า “กุมารที่ได้รับการเลี้ยงดู” หรือ “กุมารในราชสำนัก” อันหมายถึง “บุตรบุญธรรม” นั้นเอง 
  • เมื่อชีวกโกมารภัจจ์โตขึ้นถูกพวกเด็ก ๆ ในวังล้อเลียนว่า “เจ้าลูกไม่มีพ่อ” ด้วยความมานะจึงหนีพระบิดาเลี้ยงไปเรียนศิลปวิทยาที่เมืองตักกสิลา 
  • เพื่อเอาชนะคำดูหมิ่นของพวกเด็กในวังให้ได้ วิชาที่ชีวกเรียนคือวิชาแพทย์ เนื่องจากไม่มีค่าเล่าเรียนให้อาจารย์ จึงอาสาอยู่รับใช้อาจารย์สารพัดแล้วแต่ท่านจะใช้ 
  • อาศัยเป็นเด็กอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเคารพเชื่อฟังอาจารย์ จึงเป็นที่โปรดปรานของอาจารย์มาก มีศิลปวิทยาเท่าไร อาจารย์ก็ถ่ายทอดให้หมด โดยไม่ปิดบังอำพราง 
  • ชีวกเรียนวิชาแพทย์อยู่ 7 ปี จึงไปกราบลาอาจารย์กลับบ้าน อาจารย์ได้ทดสอบความรู้โดยให้เข้าป่าไปสำรวจดูต้นไม้ว่า ต้นไหนใช้ทำยาไม่ได้ให้นำตัวอย่างกลับมาให้อาจารย์ดู 
  • ปรากฏว่าเขาเดินกลับมามือเปล่า เพราะต้นไม้ทุกต้นใช้ทำยาได้หมด อาจารย์บอกเขาว่าเขาได้เรียนจบแล้ว จึงอนุญาตให้เขากลับ 
  • หลังจากกลับมายังเมืองราชคฤห์แล้ว ชีวกได้ถวายการรักษาพระอาการประชวรของพระเจ้าพิมพิสารหายขาดจาก “ภคันทลาพาธ” (โรคริดสีดวงทวาร) 
  • ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหมอหลวง พร้อมทั้งได้รับพระราชทานสวนมะม่วงให้เป็นสมบัติอีกด้วย ต่อมาชีวก ได้ถวายสวนมะม่วงแห่งนี้ ให้เป็นวัดที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย
  • ได้ถวายการรักษา แต่พระบรมศาสดาเมื่อคราวพระองค์ทรงพระประชวร และถวายตัวเป็นแพทย์ประจำพระองค์อีกด้วย 
  • ครั้งหนึ่งเขาได้ไปถวายการรักษาพระเจ้าจัณฑปัชโชค แห่งกรุงอุชเชนีแคว้นอวันตี หายจากโรคร้าย ได้รับพระราชทานผ้าแพรเนื้อละเอียด (ผ้าสีเวยยกะ ผ้าทอที่แคว้นสีวี) มาผืนหนึ่ง 
  • เขานำไปถวายพระพุทธเจ้า เนื่องจากสมัยนั้น พระภิกษุสงฆ์ถือผ้าบังสุกุลอย่างเดียว (คือแสวงหาเศษผ้าที่ชาวบ้านเขาทิ้งแล้ว เช่น ผ้าห่อศพมาเย็บทำจีวร) 
  • พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้รับผ้าจีวรที่คฤหัสถ์ทำถวาย หมอชีวกจึงกราบทูลขอพระพุทธเจ้าให้ทรงรับผ้าแพรที่เขาน้อยถวาย 
  • และให้ทรงอนุญาตให้พระสงฆ์รับผ้าจีวร ที่ชาวบ้านผู้มีศรัทธาจัดถวายด้วย พระพุทธเจ้าทรงรับผ้าจากหมอชีวก และประทานอนุญาตให้พระสงฆ์รับผ้าที่ชาวบ้านนำมาถวายได้ตั้งแต่บัดนั้น
  • หมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นอุบาสกที่ดีคนหนึ่งนอกจากถวายการรักษาพยาบาลพระพุทธเจ้า พระภิกษุสงฆ์ และประชาชนแล้ว ยังหาเวลาเข้าเฝ้าทูลถามปัญหาข้อข้องใจในธรรมะจากระพุทธเจ้าเนื่อง ๆ 
  • มีพระสูตรหลายสูตรบันทึกคำสนทนาและปัญหาของหมอชีวก เรื่องที่หมอชีวกนำขึ้นมากราบทูลถามเพื่อความรู้ที่ถูกต้อง ล้วนเป็นเรื่องสำคัญที่น่ารู้ เช่น พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์หรือไม่ อุบาสกที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร เป็นต้น
  • ตลอดชีวิตหมอชีวกได้บำเพ็ญแต่สิ่งที่ดีงาม ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย ไม่เลือกยากดีมีจน จนได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะ (เป็นผู้เลิศกว่าคนอื่น) ในทาง “เป็นที่รักของปวงชน” ในวงการแพทย์แผนโบราณปัจจุบันนี้ คือว่าหมอชีวกโกมารภัจจ์เป็น “บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณ” เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป
คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง
  • 1.  เป็นผู้มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงยิ่ง หมอชีวกโกมารภัจจ์มีความตั้งใจแน่วแน่ตั้งแต่ยังเด็กแล้วว่าจะศึกษาวิชาการ เพื่อให้เป็นที่นับหน้าถือตาของคนอื่นให้จงได้ เมื่อถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากบรรดาเด็ก ๆ ในวังว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ แทนที่จะโต้ตอบในแง่ลบเช่นด่าตอบหรือทำร้าย เขากลับคิดในแง่สร้างสรรค์ว่า “สักวันหนึ่งเถอะ ลูกไม่มีพ่อคนนี้จะเรียนวิชาใส่ตัวเอาชนะพวกลูกมีพ่อเหล่านี้ให้ได้” จึงได้เดินทางไปศึกษาวิชาแพทย์จนสำเร็จสมความตั้งใจ ที่เขาได้เคลื่อนย้ายสถานภาพจากเด็กกำพร้ากลายมาเป็นนายแพทย์ผู้เป็นที่เคารพนับถือของคนเกือบทั่วประเทศได้เช่นนี้ ก็เพราะเขามีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูงมาตั้งแต่สมัยยังเด็กนั้นเอง
  • 2.  เป็นผู้ใฝ่รู้และมีความพากเพียรสูงขึ้น เมื่อตั้งใจจะศึกษาเล่าเรียนวิชาใด ก็พยายามหาทางให้ได้เรียน แม้ไม่มีเงินค่าเดินทางก็พยายามตีสนิทกับพวกพ่อค้าวานิชต่างเมืองขออาศัยเดินทางไปยังเมืองตักกสิลาจนได้ รวมทั้งได้ใช้แรงงานถือการอยู่รับใช้งานของอาจารย์แลกกับสิทธิการได้ศึกษาเล่าเรียน ซึ่งแน่นอนว่าการทำงานสารพัดไปด้วยเรียนไปด้วย จะต้องยากลำบากเพียงใดแต่ก็ไม่ย่อท้อ ตั้งใจศึกษาวิชาจากอาจารย์ด้วยความเคารพและอดทน จนกระทั่งสำเร็จการศึกษา
  • 3.  เป็นอุบาสกที่ดี หมอชีวกโกมารภัจจ์มีความเคารพในพระพุทธเจ้ายึดมั่นในพระรัตนตรัยมาก จะเห็นได้จากการที่เขาถวายสวนมะม่วงให้เป็นวัด และได้สิ่งที่ดี เช่น ได้ผ้าเนื้อละเอียดมาก็นึกถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาทันทีและนำไปถวาย เมื่อครั้งพระเจ้าอชาตศัตรูทรงเกิดความเดือดรอนพระทัยเนื่องจากได้ปลงพระชนม์พระราชบิดา ทรงสะดุ้งหวาดกลัวจนบรรทมไม่หลับ พระองค์ตรัสถามหมอชีวกว่า มีวิธีใดที่จะให้พระองค์สงบพระทัยได้ หมอชีวกได้ถวายคำแนะนำให้พระเจาอชาตศัตรูไปเฝ้าพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์จนกระทั่งพระเจ้าอชาตศัตรูได้ถวายตนเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า การชักจูงคนที่ยังไม่มีศรัทธาให้เกิดความศรัทธาในพระรัตนตรัย การให้คำแนะนำคนที่กำลังมีความทุกข์ให้ได้พบทางผ่อนคลายทุกข์เช่นนี้ นับเป็นหน้าที่ของอุบาสกที่ดีของพระพุทธศาสนา
  • 4.  เป็นผู้เสียสละอย่างยิ่ง ข้อนี้เห็นได้ชัด หมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นทั้งแพทย์หลวง แพทย์ประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า ขณะเดียวกันก็ยังต้องดูแลประชาชนอีกด้วย หาเวลาพักผ่อนได้ยาก ดังครั้งหนึ่งเมื่อเขาได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าถูกพระเทวทัตทำร้ายบาดเจ็บ (พระเทวทัตกลิ้งหินหมายให้ทับพระองค์ ก้อนหินกลิ้งลงมาปะทะชะง่อนผา สะเก็ดหินไปต้องพระบาทจนห้อพระโลหิต) ก็รีบไปถวายการรักษาพยาบาลพันแผนที่พระบาท แล้วรับเข้าไปตรวจคนไข้ในเมือง ตั้งใจว่าตอนค่ำจะกลับมาแก้ผ้าพันแผล แต่ประตูเมืองปิดก่อนเข้าออกนอกเมืองได้ รอจนกระทั่งรุ่งเช้า เขารีบเร่งเข้าเฝ้าด้วยความเป็นห่วงในพระอาการประชวรของพระพุทธเจ้า เสร็จจากนั้นแล้วก็รีบเข้าเมืองเพื่อรักษาพยาบาลประชาชนต่อไป เขาต้องเสียสละทั้งเวลาทั้งความสุขส่วนตน เพื่อบำเพ็ญประโยชน์แก่พระศาสนาและประชาชน เพราะความเป็นคนเสียสละถึงป่านนี้เขาจึงเป็นที่รักของปวงชนดังที่ทราบอยู่แล้ว
วิทย์  วิศทเวทย์ และ เสถียรพงษ์ วรรปก. หนังสือสังคมศึกษา รายวิชา ส 0410พระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศศึกษาปีที่ 5 (ม.5) พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์ ,  2541.